คุณกำลังลังเลอยู่ใช่หรือเปล่า? ว่าถ้าหากไปทัวร์ออสเตรเลียแล้วควรจะไปที่ไหนบ้าง ที่จะคุ้มค่าที่สุด ประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องถูกใจเราด้วย ประเทศออสเตรเลียนั้นมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยหลายเท่าตัวนัก การจะไปที่ไหนก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร แทบจะไม่สามารถเดินหรือวิ่งได้ จึงจำเป็นต้องวางแผนให้ดี

ดังนั้นหากคุณกำลังจะไปทัวร์ออสเตรเลีย เมืองที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ เมืองแอดิเลด (Adelaide) ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 9 จาก 10 ของการจัดอันดับสถานที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกปี 2557 แอดิเลด (Adelaide) มีฉายาว่า เมือง 20 นาที เพราะไม่ว่าจะไปไหนเพียงแค่ 20 นาทีก็ถึง เพราะจะมีรถสาย 99C ไว้บริการนักท่องเที่ยวฟรีๆ และที่สำคัญไท่ต้องกังวลเรื่องรถติด เพราะเมืองนี้มีการวางผังเมืองเป็นอย่างดี ปัญหารถติดจึงหมดไป
รอบๆ ตัวเมืองแอดิเลดจะรายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะและร้านอาหารชั้นดี อีกทั่งยังเป็นเมืองแรกของโลกที่มีรถบัสพลังงานแสงอาทิตย์ การไปทัวร์ออสเตรเลียที่เมือง แอดิเลดไม่ได้มีเพียงแต่การเที่ยวชมเมืองเท่านั้น ยังมีสถานที่ที่เรียกว่า เฟลอเรียเพนนินซูล่า (Fleurieu Peninsula) เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงซึ่งเราสามารถดูปลาวาฬได้จากบนฝั่ง และยังมีกิจกรรมการผจญภัยที่สนุกสนานอีกด้วย หากเราขับรถออกจากเมืองแอดิเลดไปก็ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น
แต่ถ้าหากใครกังวลใจว่าจะไปทัวร์ออสเตรเลียแล้วกลัวหลงทางหรือว่าเหงา บอกได้เลยว่า เมืองนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวนานาชาติ และยังมีเด็กไทยมากมายที่นิยมไปเรียนต่อที่นั่น จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะไม่เหงาแน่นอน

หากพูดถึงการไปทัวร์บาหลีแล้วปัญหาสำหรับคนที่เพิ่งมีโอกาสไปทัวร์ครั้งแรกคิดถึงก็คือเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวว่าเมื่อไปถึงบาหลีแล้วจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างดังนั้นบทความในตอนนี้จึงขอนำเสนอถึงเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวที่ must see หรือต้องไปดูให้ได้เมื่อไปทัวร์บาหลี

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกที่ผมแนะนำเมื่อไปทัวร์บาหลีก็คืออนุสาวรีย์รามยะณะที่ตั้งอยู่ที่ที่เมืองบาดุง ความสำคัญของอนุสาวรีย์แห่งนี้ก็คือเป็นสถานที่ๆ ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระราชวังสำคัญของกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวีมาก่อนในช่วงคริสศตวรรษที่ 17 โดยปัจจุบันอนาสาวรีย์แห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้อยู่ในเขตของวัด
เมื่อไปถึงอนุสาวรีย์รามยะณะแล้วสิ่งที่เราจะได้พบเห็นก็คือสถาปัตยกรรมโบราณอันน่าพิศมัยและไม่สามารถเห็นได้ในยุคปัจจุบันรวมไปถึงภาพวาด ไม้และหินแกะสลักรวมไปถึงหน้ากากโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยมีการใช้จริงในช่วงของคริสศตวรรษที่ 17 ซึ่งถือว่าเป็นมรดกสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของบาหลี
ส่วนคนที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแล้วล่ะก็ทางบาหลีเองเขาก็มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยือนไม่ว่าจะเป็นปากปล่องภูเขาไฟบาตูร์ น้ำตกกิตกิตที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในบาหลี อุทยานแห่งชาติบาหลีตะวันตก อ่าวกิลิมานุก เกาะนูซาเปนิดา ฯลฯ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของบาหลีซึ่งหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถหาได้จากศูนย์การท่องเที่ยวบาหลีหรือเข้า google ค้นหาก็ได้ครับรับรองได้ว่าได้ข้อมูลมากกว่านี้อย่างแน่นอน

ไม่ทราบว่าทุกท่านที่เคยไปทัวร์มัลดีฟส์ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ลงเครื่องบินและเหยียบลงบนผืนแผ่นดินกันได้ไหมครับว่ามีความตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจมากน้อยเพียงใด สำหรับผมแล้วนั้นการไปทัวร์มัลดีฟส์ครั้งแรกมันเป็นอะไรที่ชื่นชอบมากและจำมันได้จนถึงทุกวันนี้

ผมยังจำได้ดีว่าในครั้งนั้นผมต้องทำงานกว่า 1 ปีเพื่อเก็บหอมรอมริบซื้อตั๋วเครื่องบินมายังดินแดนที่ใครๆ ต่างเรียกว่าสวรรค์บนดิน อีกทั้งในระหว่างที่เก็บเงินยังต้องคอยหาข้อมูลของการไปทัวร์มัลดีฟส์ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างซึ่งต้องยอมรับครับว่าในครั้งนั้นผมเองมีความกังวลเกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าหากไปถึงที่นั่นแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง จะไปพักที่ไหน จะต้องวางตัวอย่างไร ต้องพูดภาษาอะไร โดยที่ลืมคิดไปว่าไอ้ที่จะไปนั้นเราไปกันเป็นกรุ๊ปทัวร์ดังนั้นจึงตัดเรื่องที่กังวลไปได้เลย
เมื่อวันที่เงินครบและเวลาพร้อมมาถึงผมเองก็ได้มาเหยียบดินแดนที่ว่านี้สมใจซึ่งครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำทะเลอันใสสะอาดสุดลูกหูลูกตา หาดทรายสีขาวนวล เชื่อไหมครับว่ามันเหมือนกับผมได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์จริงๆ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วถ้าจะพูดให้ถูกต้องผมเองก็ไม่เคยเห็นหรอกครับว่าสวรรค์เป็นอย่างไรเพียงแค่ผมรู้แต่เพียงว่าที่มัลดีฟส์แห่งนี้มันสวยงามกว่าท้องทะเลอื่นๆ ที่ผมเคยเห็นมาอีกทั้งถึงแม้ว่าผมเองจะเคยเห็นภาพเหล่านี้ในหนังสือจนชินชาแล้วแต่มันก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบเห็นด้วยตาจริง ดังนั้นมันจึงประสบการณ์ที่ฝังติตรึงใจผมมาเป็นเวลานานแสนนานและผมเชื่อว่าคนอื่นก็ย่อมต้องเป็นเหมือนผมด้วยเช่นกัน

ในตอนฤดูใบไม้ผลิของประเทศเกาหลีนั้นอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม กระทั่ง เดือนพฤษภาคม ซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ 6 องศา – 16 องศา ในฤดูนี้จะเป็นระยะเวลาที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ต้นไม้ผลิใบเต็มต้น แสงแดดส่องแสงสดใสตลอดทั้งวัน กลางวันจะยาวกว่าเวลามืด ซึ่งชาวเกาหลีนั้นจะถือว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเริ่ม บริเวณต่างๆจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายนานาพันธุ์
ความเด่นของฤดูใบไม้ผลินี้คืองานเทศกาลชมดอกซากุระเกาหลีที่ชาวเกาหลีและคนจากประเทศอื่นๆ คอยกันอยากจะไปสัมผัสปรากฏการณ์สีชมพูดของดอกซากุระด้วยกันทั้งนั้น โดยเทศกาลนี้จะเริ่มในอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน แต่ก็มีคลาดเคลื่อนหน่อยเดียว ก็ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศโดยทั่วไปด้วย ซึ่งเราเองจะต้องเป็นคนคอยเช็คด้วยว่างานเทศกาลนั้นจะมีมาตอนไหน ส่วนใหญ่ทางใต้ของประเทศเกาหลีจะบานก่อน แต่ถ้าว่าดอกซากุระนั้นอยู่ได้ไม่นาน ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็หล่นหมดจากต้นแล้ว แต่เราก็ยังมีทุ่งดอกทิวลิปให้เราได้เห็นในฤดูกาลนี้อีกด้วย ซึ่งจะมีให้เจอได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม จวบจนถึง ต้นเดือนพฤษภาคม

ส่วนการแต่งเนื้อแต่งตัวท่องเที่ยวเกาหลีในช่วงนี้นั้น เลือกเสื้อผ้าที่ใส่แบบสบายๆ อาจจะเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ จากนั้นมีแจ็คเก็ตหรือเสื้อแขนยาวบางๆ ทับก็พอแล้ว ก็เพราะว่าภูมิอากาศกำลังสบายๆ ควรต่อการเดินไปชมวิวธรรมชาติ แต่จำต้องพกเสื้อกันหนาวติดตัวไว้ด้วยก็ดีเหมือนกันหากว่าใครคิดจะเที่ยวเช้าจรดเย็น เนื่องจากช่วงเย็นจะอุณหภูมิลงเร็วมาก
และในฤดูใบไม้ผลินี้ มีงานเทศกาลอื่นๆที่เป็นที่ดึงดูดอีกมาก ตัวอย่างเช่น งานเทศกาลโคมไฟดอกบัว,เทศกาลทะเลแหวกที่ชินโด,หรือถ้าใครชอบลุยๆรักธรรมชาติแนะให้ขึ้นภูขาก็จะตรึงตาตรึงใจไปอีกแบบ